“บิ๊กโจ๊ก” นำทีมจับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงต่างชาติทำวีซ่าถาวร เผยประวัติโชกโชนกว่า 10 ปี

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายไพโรจน์ กาญจนรัตน์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกง ซึ่งถูกจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี

การสืบสวนเริ่มต้นจากการร้องเรียนของผู้เสียหายชาวอเมริกัน ผ่านศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) โดยผู้เสียหายระบุว่าถูกนายไพโรจน์หลอกลวงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยการอ้างตัวเป็นทนายความที่สามารถช่วยดำเนินการเรื่องเอกสารราชการ เช่น วีซ่าถาวรและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย โดยที่ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องไปติดต่อหน่วยงานราชการด้วยตนเอง

วิธีการหลอกลวงและมูลค่าความเสียหาย

นายไพโรจน์ใช้วิธีการเข้าหาเหยื่อตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยจะแนะนำตัวเป็นทนายความหรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐ อ้างว่าสามารถอำนวยความสะดวกในการทำเอกสารราชการได้ ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อและสูญเสียเงินตั้งแต่ 20,000 ถึง 50,000 บาท โดยในกรณีของผู้เสียหายชาวอเมริกัน ถูกหลอกเรียกเก็บค่าทำวีซ่าถาวรเป็นเงิน 25,000 บาท ส่วนเพื่อนชาวอิตาลีของผู้เสียหายถูกหลอกเอาเงินไป 49,000 บาท สำหรับค่าใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย

ประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์เปิดเผยว่า นายไพโรจน์มีประวัติการก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วประมาณ 10 ปี โดยมีหมายจับในคดีฉ้อโกงถึง 7 หมาย จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ ศาลอาญา ศาลแขวงพระนครใต้ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลจังหวัดนครราชสีมา และศาลจังหวัดเชียงใหมั โดยหมายจับเหล่านี้มีอายุตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงการกระทำผิดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน

ปฏิบัติการกวาดล้างผู้กระทำผิดกฎหมายคนต่างด้าว

นอกจากการจับกุมนายไพโรจน์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ดำเนินการกวาดล้างผู้กระทำผิดกฎหมายคนต่างด้าวในช่วงเช้ามืดของวันเดียวกัน โดยสามารถจับกุมชาวอินเดียที่กระทำผิดกฎหมายได้ 40 คน แบ่งเป็นผู้ที่อยู่เกินกำหนด (โอเวอร์สเตย์) 10 คน และผู้ที่ไม่มีเอกสารการเข้าเมือง 30 คน ในบริเวณตลาดสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการผลักดันผู้กระทำผิดเหล่านี้กลับประเทศต่อไป

การจับกุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ทั้งในด้านการหลอกลวงและการเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวต่างชาติ