ในการจัดอันดับดัชนีหนังสือเดินทาง (Passport Index) ประจำปี 2560 ล่าสุด ได้เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแวดวงการเดินทางระหว่างประเทศ โดยหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์ได้ก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก ทำลายสถิติของเยอรมนีที่ครองแชมป์มาอย่างยาวนาน
ผลการจัดอันดับนี้แสดงให้เห็นว่า พลเมืองสิงคโปร์ซึ่งมีจำนวนประมาณ 5.6 ล้านคน สามารถเดินทางเข้าประเทศต่างๆ ได้มากถึง 159 ประเทศทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้า หรือสามารถขอวีซ่าได้เมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งนับเป็นความสะดวกสบายอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางชาวสิงคโปร์
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้สิงคโปร์ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในครั้งนี้ เกิดจากการที่ประเทศปารากวัยได้ตัดสินใจยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางสำหรับชาวสิงคโปร์ ส่งผลให้จำนวนประเทศที่ชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประเทศ ทำให้สิงคโปร์แซงหน้าเยอรมนีซึ่งครองตำแหน่งอันดับหนึ่งมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
การจัดอันดับของประเทศอื่นๆ
ในขณะที่สิงคโปร์ครองอันดับหนึ่ง ประเทศอื่นๆ ก็ยังคงรักษาตำแหน่งที่แข็งแกร่งในการจัดอันดับครั้งนี้:
1. เยอรมนี ตกลงมาอยู่อันดับสอง โดยสามารถเดินทางเข้าได้ 158 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
2. สวีเดนและเกาหลีใต้ ครองอันดับสามร่วมกัน สามารถเข้าได้ 157 ประเทศ
3. อันดับสี่เป็นการครองร่วมกันระหว่างหลายประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปน, นอร์เวย์ และญี่ปุ่น โดยสามารถเข้าได้ 156 ประเทศ
4. สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาอำนาจโลก อยู่ในอันดับหก ร่วมกับมาเลเซีย, ไอร์แลนด์ และแคนาดา โดยสามารถเข้าได้ 154 ประเทศ ซึ่งลดลง 2 ประเทศนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง
ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่อยู่อันดับสุดท้ายของการจัดอันดับคือ อัฟกานิสถาน ซึ่งพลเมืองสามารถเดินทางเข้าประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เพียง 22 ประเทศเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากในด้านเสรีภาพการเดินทางระหว่างประเทศที่มีอิทธิพลสูงและต่ำ
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลก
การที่หนังสือเดินทางของสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อประชาชนชาวสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกอีกด้วย การที่ชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไปยังประเทศต่างๆ มากถึง 159 ประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่า จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสิงคโปร์กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ การจัดอันดับนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของสิงคโปร์ในการพัฒนาประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตและนโยบายการเดินทางระหว่างประเทศของตนเองต่อไป