“นโยบาย ‘หนังสือเดินทางไทย เดินทางได้ทั่วโลก’: ความท้าทายและโอกาสในการยกระดับพาสปอร์ตไทย

รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้านโยบายเพิ่มอำนาจหนังสือเดินทางไทยอย่างจริงจัง หลังจากประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงยกเว้นวีซ่ากับประเทศจีน ทางการไทยได้ขยายความพยายามไปสู่การเจรจาขอยกเว้นวีซ่ากับกลุ่มประเทศในเขตเชงเก้นและสหราชอาณาจักร เป้าหมายคือการเพิ่มจำนวนประเทศที่คนไทยสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า จากปัจจุบันที่มีเพียง 34 ประเทศและดินแดน จากทั้งหมด 277 แห่งทั่วโลก

แม้ว่าความพยายามนี้จะได้รับการมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ก็มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศเป้าหมาย รวมถึงประเด็นด้านอาชญากรรมและสิทธิมนุษยชนภายในประเทศไทยเอง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการเจรจา

สถานะปัจจุบันของหนังสือเดินทางไทย

ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 หนังสือเดินทางไทยแบบธรรมดาสามารถใช้เดินทางไปยัง 34 ประเทศและดินแดนโดยไม่ต้องขอวีซ่า ครอบคลุมประเทศในกลุ่มอาเซียน บางประเทศในละตินอเมริกา และประเทศอื่น ๆ เช่น มองโกเลีย จอร์เจีย ตุรกี รัสเซีย กาตาร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และมาเก๊า โดยระยะเวลาพำนักที่ได้รับอนุญาตจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีอีก 10 ประเทศและดินแดนที่อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถขอวีซ่าเมื่อเดินทางถึง หรือที่เรียกว่า Visa on Arrival (VOA) ได้แก่ โบลิเวีย ฟิจิ จอร์แดน คีร์กีซสถาน เนปาล นิการากัว นีอูเอ โอมาน หมู่เกาะโซโลมอน และติมอร์-เลสเต

ความท้าทายในการยกระดับหนังสือเดินทางไทย

แม้ว่ารัฐบาลจะมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มอำนาจหนังสือเดินทางไทย แต่การบรรลุเป้าหมายนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณา:

1. ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ: ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าและมีรายได้ต่อหัวสูงกว่า มักจะระมัดระวังในการให้สิทธิยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศที่มีเศรษฐกิจเล็กกว่า เนื่องจากกังวลเรื่องการย้ายถิ่นฐานแรงงานและการแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจ

2. ประเด็นด้านความมั่นคงและอาชญากรรม: ประเทศปลายทางอาจกังวลเกี่ยวกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นหากมีการยกเว้นวีซ่า

3. สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน: ประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนอาจพิจารณาสถานการณ์ในประเทศไทยก่อนตัดสินใจยกเว้นวีซ่า

4. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: การเจรจายกเว้นวีซ่าต้องอาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นและผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศ

5. ข้อกังวลด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ: บางประเทศอาจไม่เห็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนจากการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะหากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปยังประเทศนั้นมีไม่มาก

ผลกระทบของนโยบาย: ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์

หากนโยบาย “หนังสือเดินทางไทย เดินทางได้ทั่วโลก” ประสบความสำเร็จ จะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน:

ผู้ได้ประโยชน์:
– นักท่องเที่ยวไทย: จะได้รับความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายและขั้นตอนในการขอวีซ่า
– ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว: อาจเห็นการเติบโตของการท่องเที่ยวขาออก ส่งผลดีต่อธุรกิจนำเที่ยว สายการบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
– นักธุรกิจไทย: การเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจในต่างประเทศจะสะดวกขึ้น อาจนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
– ภาพลักษณ์ของประเทศ: หากประสบความสำเร็จ จะช่วยยกระดับสถานะของประเทศไทยในเวทีโลก

ผู้อาจเสียประโยชน์:
– สถานทูตและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ: อาจสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมวีซ่า
– ธุรกิจรับทำวีซ่า: อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากความต้องการบริการลดลง
– ประเทศปลายทาง: อาจเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมการเข้าเมืองและการพำนักเกินกำหนด

ในขณะที่นโยบายนี้มีเป้าหมายที่น่าสนใจ แต่การบรรลุผลสำเร็จจะต้องอาศัยความพยายามอย่างมากในการเจรจาทางการทูต การปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่น่าดึงดูดสำหรับการยกเว้นวีซ่าในสายตาของนานาประเทศ”