ทำไมนักกรีฑาออกสตาร์ทใน “โค้งที่ต่างกัน” ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ มันยุติธรรมจริงมั้ย?

 หลายคนที่ติดตามการแข่งขันกรีฑา โดยเฉพาะการวิ่งระยะสั้นและระยะกลาง อาจเคยสงสัยว่า เหตุใดนักวิ่งแต่ละคนจึงได้ออกสตาร์ทจากจุดที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเลนในที่มักจะเริ่มต้นอยู่ด้านหลังเลนนอก ภาพที่เห็นอาจทำให้เกิดคำถามว่า “แบบนี้เลนนอกไม่เท่ากับได้เปรียบหรอกหรือ?”

แท้จริงแล้วสิ่งนี้คือหลักการทางคณิตศาสตร์และวิธีการรักษาความยุติธรรมในสนามแข่งขัน เราลองมาดูเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังกัน

สนามวิ่งไม่ได้เป็นวงกลมสมบูรณ์

สนามกรีฑามาตรฐานหนึ่งรอบจะมีความยาว 400 เมตร โดยโครงสร้างของลู่ประกอบด้วยทางตรงสองด้าน และส่วนโค้งอีกสองด้าน เมื่อพิจารณาตามหลักเรขาคณิต ลู่วิ่งแต่ละเลนที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางต่างกัน ทำให้เส้นทางรอบสนามไม่เท่ากัน หากเริ่มต้นในตำแหน่งเดียวกันจริงๆ นักวิ่งที่อยู่เลนในจะวิ่งระยะทางสั้นกว่าผู้ที่อยู่เลนนอก

Staggered Start — กลไกที่ทำให้ทุกคนวิ่งเท่ากัน

เพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้ ผู้จัดการแข่งขันจึงใช้วิธีการที่เรียกว่า “staggered start” หรือการออกตัวเหลื่อม หมายถึงการขยับจุดสตาร์ทของเลนนอกให้ล้ำไปข้างหน้า เพื่อชดเชยความยาวส่วนโค้งที่มากกว่า เมื่อปรับแล้วทุกเลนจะต้องวิ่งเท่ากับระยะทางที่กำหนด เช่น 200 เมตร หรือ 400 เมตรพอดี ดังนั้นจุดออกตัวเหลื่อมไม่ใช่การให้เปรียบใคร แต่เป็นการสร้างความเท่าเทียมอย่างแท้จริง

เลนไหนได้เปรียบ? ข้อดี–ข้อเสียของแต่ละตำแหน่ง

  • เลนใน (1–2): โค้งจะแคบกว่า ทำให้นักวิ่งต้องใช้แรงมากขึ้นในการควบคุมร่างกายและทรงตัว พลังงานอาจถูกใช้มากขึ้นในช่วงโค้ง
  • เลนกลาง (3–6): มุมโค้งกำลังพอเหมาะ การมองเห็นคู่แข่งชัดเจน เป็นเลนที่ได้รับการยอมรับว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการทำผลงานระดับสูง
  • เลนนอก (7–8): โค้งกว้างกว่าวิ่งสบายกว่า แต่เสียเปรียบที่ไม่สามารถมองเห็นคู่แข่งด้านในทั้งหมด ทำให้การควบคุมจังหวะและการประเมินการแข่งขันทำได้ยาก

การจับสลากและการจัดลู่เพื่อความเป็นธรรม

ระบบการแข่งขันจะกำหนดเลนตามผลการคัดเลือกหรือจากการจับสลาก นักวิ่งที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในรอบก่อนหน้ามักจะได้เลนกลาง เพื่อให้สมดุลระหว่างข้อดีและข้อเสียของลู่ต่างๆ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้การแข่งขันมีความยุติธรรมมากขึ้น

ตัวเลขที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมติรัศมีโค้งภายในคือ R และความกว้างแต่ละเลนคือ w ทุกครั้งที่เพิ่มเลน ความยาวเส้นทางจะยาวขึ้นประมาณ 2πw จุดเริ่มต้นของเลนนอกจึงต้องถูกเลื่อนตามค่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนวิ่งระยะทางเท่ากันเป๊ะ

เคล็ดไม่ลับสำหรับผู้ชม

  • อย่าคิดว่าคนที่ยืนล้ำไปข้างหน้าจะได้เปรียบเสมอ เพราะระยะถูกคำนวณมาแล้วให้เท่ากัน
  • สังเกตการวิ่งในโค้ง นักกีฬาบางคนถนัดโค้งมากกว่า ขณะที่บางคนเก่งในช่วงตรง
  • ผลลัพธ์การแข่งขันมักจะตัดสินด้วยจังหวะ เทคนิค และการฝึกซ้อม มากกว่าตำแหน่งเลนเพียงอย่างเดียว

บทสรุป

การออกสตาร์ทในตำแหน่งที่แตกต่างกันนั้น ไม่ใช่เรื่องของความไม่ยุติธรรม แต่คือการแก้สมการเรขาคณิตของสนามให้ทุกคนวิ่งระยะเท่ากันที่สุด และแม้เพียงรายละเอียดเล็กๆ อย่างจุดเริ่มต้น ก็สะท้อนถึงความซับซ้อนทั้งด้านคณิตศาสตร์ กลยุทธ์ และการฝึกฝนที่นักกีฬาต้องเตรียมมาอย่างดี เพื่อรับมือกับทุกเลนและทุกสถานการณ์แข่งขันอย่างแท้จริง

Scroll to Top