เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีภูธรบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุชายพยายามกระโดดสะพานพระราม 7 บริเวณตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ทำให้ต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลเมืองบางกรวย และเรือกู้ชีพกรมเจ้าท่า
ณ จุดเกิดเหตุบนสะพานฝั่งขาออกมุ่งหน้าถนนจรัญสนิทวงศ์ พบชายวัย 34 ปี สวมเสื้อสีขาวและกางเกงยีนส์ขาสั้น นั่งอยู่บนราวสะพานหันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเกลี้ยกล่อมจนสามารถนำตัวลงมาได้อย่างปลอดภัย ต่อมาทราบว่าชายคนดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่นำไปสู่การพยายามทำร้ายตัวเอง ชายผู้นี้ได้เล่าเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจว่า เขาถูกหลอกให้ไปทำงานในไร่ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยนายจ้างสัญญาว่าจะได้รับค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท แต่หลังจากทำงานหนักมานานถึง 3 ปี 7 เดือน กลับไม่ได้รับเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว ได้รับเพียงอาหารและที่พักเท่านั้น
ด้วยความสิ้นหวังและหมดหนทาง เขาจึงตัดสินใจหนีออกมาด้วยการเดินเท้าจากจังหวัดกาญจนบุรีมุ่งหน้าสู่บ้านเกิดที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยใช้เวลาเดินทางนานถึง 6 วัน จนกระทั่งมาถึงสะพานพระราม 7 ความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังได้ท่วมท้นจนเขาคิดจะจบชีวิตตัวเองลง
ความเมตตาจากเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร นำไปสู่การช่วยเหลือที่ทันท่วงที
หลังจากช่วยชายหนุ่มลงมาจากราวสะพานได้ เจ้าหน้าที่อาสาสังเกตเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของเขาจึงถามว่าหิวข้าวหรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่า “หิว ไม่ได้กินข้าวเลย” พวกเขาจึงรีบไปซื้อข้าวมาให้กิน ก่อนจะพาไปพักที่ตู้ยามสายตรวจหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งไทย (กฝภ.) บางกรวย เพื่อให้ได้สงบสติอารมณ์และรับประทานอาหาร
นายผจงพงศ์ ลิ้มศิลา อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดบางโพ เล่าว่าเขาได้รับแจ้งเหตุขณะเข้าเวรและรีบมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ตามมาสมทบ พวกเขาใช้เวลากว่า 30 นาทีในการเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จ
เมื่อสอบถามความต้องการของชายหนุ่ม เขาขอเพียงความช่วยเหลือในการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดหนองบัวลำภู ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครจึงร่วมกันระดมทุนได้ 600 บาท เพื่อซื้อตั๋วรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต ส่งเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเอารัดเอาเปรียบแรงงานที่ยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทย และในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความเมตตาของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ร่วมกันช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก นับเป็นแสงสว่างแห่งความหวังท่ามกลางความมืดมิดของชีวิต