โรงพยาบาล Bai Chay ในประเทศเวียดนามได้รับผู้ป่วยวัยรุ่นสองรายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ด้วยอาการภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ อันเนื่องมาจากแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นต่อปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
รายละเอียดผู้ป่วย:
- เด็กชายอายุ 15 ปี ถูกนำส่งห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณลิ้นปี่และมีอาการตะคริวในช่องท้อง ผลการตรวจวินิจฉัยพบว่าเป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบเนื่องจากกระเพาะทะลุ จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินผ่านกล้อง
- วัยรุ่นชายอายุ 17 ปี มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหารและเคยผ่าตัดมาก่อน 2 ปีที่แล้ว กลับมาด้วยอาการปวดบริเวณลิ้นปี่และปวดท้อง ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และต้องเข้ารับการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อปิดรูทะลุและทำความสะอาดของเหลวในช่องท้อง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง:
นพ.ชู มาน เจือง จากภาควิชาศัลยศาสตร์ทั่วไป อธิบายว่าภาวะกระเพาะอาหารทะลุสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บที่ช่องท้อง สิ่งแปลกปลอมในทางเดินอาหาร และภาวะลำไส้อักเสบแบบเนื้อตาย อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้ป่วยทั้งสองราย พบว่าสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการนอนดึกและการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
ผลกระทบของการนอนดึกต่อระบบย่อยอาหาร:
- ขัดขวางการพักผ่อนของกระเพาะอาหาร ทำให้เซลล์เยื่อบุกระเพาะไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
- กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติโรคกระเพาะอยู่แล้ว
อันตรายของการรับประทานอาหารมื้อดึก:
– อาหารมื้อดึกมักเป็นอาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง หรือขนมขบเคี้ยว ซึ่งมักมีปริมาณเกลือและไขมันสูง
– การบริโภคอาหารเหล่านี้เพิ่มแรงกดดันต่อระบบย่อยอาหารที่กำลังทำงานหนัก
– กรดส่วนเกินจากการย่อยอาหารจะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะ
คำแนะนำในการป้องกัน:
แพทย์แนะนำให้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคกระเพาะและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ดังนี้:
- รักษาเวลานอนให้เป็นปกติ พยายามเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อดึก โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและเกลือสูง
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอตลอดวัน
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ความเครียดและความกดดัน: ปัจจัยเสริมที่ทำร้ายกระเพาะอาหาร
นอกเหนือจากพฤติกรรมการกินและการนอน ความเครียดและความกดดันจากการเรียนและการทำงานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการแสบร้อนในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะ
การจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพระบบย่อยอาหาร วิธีการจัดการความเครียดอาจรวมถึงการฝึกสมาธิ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการหากิจกรรมผ่อนคลายที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ การสร้างสมดุลระหว่างการเรียน การทำงาน และการพักผ่อนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว
ท้ายที่สุด การให้ความสำคัญกับสุขภาพของระบบย่อยอาหารตั้งแต่วัยเยาว์จะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูควรมีส่วนร่วมในการให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพแก่เยาวชน เพื่อสร้างนิสัยที่ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว