ความท้าทายของการเป็นพ่อแม่ถูกสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านเรื่องราวของคุณแม่ชาวเวียดนามรายหนึ่ง ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์อันน่าสะเทือนใจในกลุ่มผู้ปกครองออนไลน์ เธอเผยถึงความยากลำบากในการเลี้ยงดูลูกชายวัยมัธยมต้น ผู้ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาการถูกรังแกในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
คุณแม่เล่าว่า ลูกชายของเธอเป็นเด็กที่มีอุปนิสัยดีและมีเหตุผล เป็นที่รักของครูทุกคน แต่กลับตกเป็นเป้าหมายของการล้อเลียนและการกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง และสามารถทำให้เพื่อนบางคนเลิกแกล้งได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อไป ส่งผลให้ลูกชายของเธอกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดและโกรธเคืองอยู่บ่อยครั้ง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่พบเสื้อสีเหลืองตัวใหม่ของลูกชาย ซึ่งเปื้อนด้วยหมึกปากกาลูกลื่น เธอเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการที่เพื่อนในชั้นเรียนจงใจทำให้เสื้อของลูกชายเปื้อน ทำให้เขาร้องไห้ด้วยความกังวลว่าคุณยายจะต้องเหนื่อยในการซักทำความสะอาด จนถึงขั้นพยายามซ่อนเสื้อไว้เพื่อไม่ให้ยายต้องลำบาก แม้ว่าลูกชายจะรายงานเหตุการณ์นี้ต่อครู แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ผลกระทบทางจิตใจ: เมื่อความอดทนถึงขีดสุด
ประสบการณ์อันเลวร้ายที่โรงเรียนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจของเด็กชาย แม้จะผ่านช่วงปิดเทอมฤดูร้อนไปแล้ว เขาก็ยังแสดงอาการไม่อยากกลับไปโรงเรียนเพราะกลัวการเผชิญหน้ากับเพื่อนที่ชอบรังแก ครอบครัวพยายามให้กำลังใจและให้คำแนะนำ แต่สถานการณ์กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนกระทั่งล่าสุด เด็กชายถึงกับเอ่ยปากว่า “อยากทุบตีพวกเขาให้ตาย” ซึ่งสร้างความตกใจให้กับผู้เป็นแม่อย่างมาก
คุณแม่เผยความรู้สึกว่า “ฉันช็อกมากแม้จะเป็นเพียงคำพูด ฉันปวดหัวมาหลายวันแล้ว ลูกของฉันคือทุกอย่างสำหรับฉัน ฉันไม่คาดหวังว่าจะมีอะไรเจ็บปวดเกิดขึ้นกับเขา” เธอยังอธิบายถึงความลำบากในการตัดสินใจย้ายโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนปัจจุบันอยู่ห่างจากบ้านเพียง 500 เมตร ซึ่งมีความสะดวกในหลายๆ ด้าน
เสียงสะท้อนจากสังคม: ผู้ปกครองเรียกร้องให้มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ปกครองจำนวนมาก ส่วนใหญ่แนะนำให้ย้ายโรงเรียนหรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนชั้นเรียนโดยเร็วที่สุด พวกเขาเน้นย้ำว่านี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และการปล่อยให้เด็กอดทนต่อไปอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอิสระของเวียดนามให้ความเห็นว่า สำหรับนักเรียน สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่เพียงแค่การเรียนรู้เท่านั้น เขากล่าวว่า “การเรียนรู้จะไร้ความหมายเมื่อความปลอดภัยและความสุขของนักเรียนถูกบั่นทอน ในกรณีที่เด็กถูกรังแกในระดับร้ายแรง”
เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการเลี้ยงดูเด็กในยุคปัจจุบัน แต่ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ในโรงเรียน ทั้งผู้ปกครอง ครู และสังคมโดยรวมจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการรังแกในโรงเรียนอย่างจริงจังและยั่งยืน เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์