วันนี้ (9 สิงหาคม 2567) ที่ตึกไทยซัมมิท กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของอดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมเผยโฉมโลโก้ใหม่และประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ชื่อและสัญลักษณ์:
พรรคใหม่นี้ใช้ชื่อว่า “พรรคประชาชน” โดยมีชื่อย่อภาษาไทยว่า “ปชช.” และภาษาอังกฤษว่า “PEOPLE’S PARTY” หรือ “PP” โลโก้ของพรรคประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมสีส้มที่มีลักษณะพิเศษ กล่าวคือ มุมทุกด้านของสามเหลี่ยมเท่ากัน ทำให้กลายเป็นสามเหลี่ยมหกด้าน ซึ่งวางอยู่เหนือชื่อพรรคที่เขียนด้วยตัวอักษรสีกรมท่าสำหรับภาษาไทย และสีส้มสำหรับภาษาอังกฤษ
อุดมการณ์ทางการเมือง:
พรรคประชาชนได้ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยึดมั่นในหลักการสำคัญหลายประการ ได้แก่ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ โดยพรรคยืนยันการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับหลักนิติรัฐ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคในทุกมิติของสังคม
นโยบายหลัก:
พรรคประชาชนมุ่งเน้นการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดยมีนโยบายสำคัญดังนี้
1. ส่งเสริมการกระจายอำนาจทางปกครอง
2. สนับสนุนความหลากหลายทางเพศและวัฒนธรรม
3. พัฒนาระบบเศรษฐกิจเสรีที่แข่งขันได้อย่างเป็นธรรม
4. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
5. จัดตั้งระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการบริหารพรรค:
ในการประชุมใหญ่ของพรรค ที่ประชุมได้ลงมติเลือกคณะกรรมการบริหารชุดแรก ประกอบด้วย:
– นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
– นายศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค
– นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รับตำแหน่งนายทะเบียนพรรค
– นางสาวชุติมา คชพันธ์ ทำหน้าที่เหรัญญิกพรรค
– นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เป็นกรรมการบริหารพรรค
แนวทางการดำเนินงานในอนาคต:
พรรคประชาชนได้แสดงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์และสังคม โดยเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น และมีสิทธิในการกำหนดอนาคตของตนเองและสังคม พรรคยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและคุณภาพตลอดช่วงชีวิต
ทั้งนี้ พรรคประชาชนยังอยู่ในระหว่างการจัดตั้งตำแหน่งสำคัญอื่นๆ เช่น รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค ซึ่งจะมีการลงมติในที่ประชุมครั้งต่อไป การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของพรรคการเมืองใหม่ที่พร้อมจะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยต่อไป