นักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดัง “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทเรื่องเงินที่ยังค้างชำระกับคู่กรณี ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดียและวงการบันเทิง โดยนักแสดงสาวได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถชำระเงินให้ครบถ้วนได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าต้องการให้ปัญหาทั้งหมดจบลงในชั้นศาล
ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด ปู มัณฑนา กล่าวว่า “ดิฉันขอเคลียร์ประเด็นการถกเถียงเรื่องเงินให้จบลงตรงนี้ สำหรับเงินส่วนที่ยังค้างชำระอยู่นั้น ดิฉันขอชี้แจงอย่างชัดเจนว่า เราจะไปดำเนินการเคลียร์กันที่ศาลเท่านั้น เนื่องจากยอดเงินที่ดิฉันทราบกับที่คู่กรณีอ้างถึงนั้นไม่ตรงกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ทนายความและศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินตามหลักฐานที่มีว่ายอดใดถูกต้องที่สุด”
นักแสดงสาวยังได้กล่าวต่อไปว่า “ดิฉันขอร้องให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดนำประเด็นนี้ไปพูดในที่สาธารณะเพื่อสร้างความเสียหายให้กับดิฉัน โดยกล่าวหาว่าดิฉันไม่ยอมชำระเงิน ดิฉันขอยืนยันว่าจะดำเนินการเคลียร์ทุกอย่างที่ศาล เมื่อมีการตัดสินและสรุปยอดเงินที่แท้จริงตามหลักฐานเรียบร้อยแล้วเท่านั้น เพราะในแต่ละครั้งที่มีการให้สัมภาษณ์ คู่กรณีบางรายยังให้ข้อมูลตัวเลขที่ไม่ตรงกันเลย ดังนั้น เรื่องของเงินทั้งหมดนี้ ขอให้เป็นหน้าที่ของทนายความและศาลในการพิจารณาตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
หัวข้อย่อย: ปู มัณฑนา วอนคู่กรณียุติการใช้ชื่อเสียงเพื่อสร้างกระแส
นอกจากนี้ ปู มัณฑนา ยังได้เขียนข้อความเพิ่มเติมในโซเชียลมีเดียของเธอ โดยระบุว่า “ตั้งแต่นี้ไป ดิฉันขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินตัวเลขที่แท้จริงเท่านั้น สำหรับหนี้ที่ผ่านมานั้น เราได้พยายามไกล่เกลี่ยกันแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ดิฉันขอร้องให้คู่กรณีทุกคนหยุดนำชื่อของดิฉันไปใช้เพื่อสร้างกระแสให้ตัวเอง และขอให้หยุดนำข่าวนี้ไปพูดในสื่อต่างๆ ได้แล้ว เพราะการพูดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เนื่องจากเรื่องทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายแล้ว”
ปู มัณฑนา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ดิฉันขอวอนให้หยุดการใช้สื่อเพื่อประจานดิฉันและขายสินค้า หรือใช้จุดนี้เพื่อกดดันให้สังคมตัดสินดิฉันจนไม่มีที่ยืนในวงการ ทั้งๆ ที่เรื่องราวทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว”
การเปิดใจครั้งนี้ของ ปู มัณฑนา สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการชี้แจงข้อเท็จจริงและความต้องการที่จะยุติปัญหาทั้งหมดอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการนำเรื่องนี้ไปขยายความในสื่อสาธารณะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ต่อไปว่าจะมีบทสรุปอย่างไรในชั้นศาล