เทศกาลตรุษจีนส่งผลให้หุ้นกลุ่มอาหารและท่องเที่ยวพุ่งสูงขึ้น

เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ได้ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของราคาเนื้อสัตว์และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย

ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคาเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหมูและเนื้อไก่ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานว่า ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มในประเทศไทยได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70-76 บาทต่อกิโลกรัม และคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอีกเมื่อเข้าใกล้ช่วงเทศกาล เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยถึง 177,000 คน ซึ่งจะสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยถึง 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 366% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนคือมาตรการยกเว้นวีซ่าถาวรที่รัฐบาลไทยประกาศใช้

หุ้นที่น่าจับตามอง
บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน ดังนี้:

1. บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF): คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากราคาสุกรที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในไทยและจีน
2. บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN): คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน
3. บมจ.จีเอฟพีที (GFPT): คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากราคาไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นในกลุ่มโรงแรม การท่องเที่ยว และสนามบิน เช่น MINT และ AOT ที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลนี้

การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด
จากการศึกษาสถิติย้อนหลัง 5 ปี (2019-2023) พบว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนเทศกาลตรุษจีน ดัชนี SET มักจะปรับตัวขึ้นประมาณ 0.85-0.89% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกมากที่สุดคือ กลุ่มโรงแรม (+3.3% ถึง +4.15%) ตามด้วยกลุ่มเกษตร และกลุ่มอาหาร

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโดยรวม โดยเฉพาะในภาคการค้าปลีก การบริการ และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในช่วงนี้อาจช่วยสร้างรายได้และการจ้างงานเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น สภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินของธนาคารกลาง และปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว