กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันได้ออกประกาศสำคัญเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ บรูไน และรัสเซีย โดยมติดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไต้หวันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาค
นโยบาย “New Southbound Policy” เป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจครั้งนี้ โดยเป็นยุทธศาสตร์ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน แห่งไต้หวัน มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวันกับ 18 ประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และออสเตรเลีย การขยายเวลาฟรีวีซ่าครั้งนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
กระบวนการตัดสินใจ
การประกาศขยายเวลาฟรีวีซ่าครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลมาจากการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของมาตรการด้านวีซ่าสำหรับประเทศพันธมิตรในนโยบาย “New Southbound Policy” และรวมถึงรัสเซียด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการถกเถียงถึงความเป็นไปได้และผลกระทบของการขยายเวลาฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศเป้าหมายทั้ง 4 ประเทศ
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
การขยายเวลาฟรีวีซ่านี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไต้หวันอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ บรูไน และรัสเซียให้เดินทางมาเยือนไต้หวันมากขึ้น ซึ่งจะนำมาซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของประเทศต่างๆ
การเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว
เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า ไต้หวันได้เตรียมความพร้อมในหลายด้าน อาทิ การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบินนานาชาติ การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตรงไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญ และการฝึกอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความเข้าใจในวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้มากขึ้น
การขยายเวลาฟรีวีซ่าครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไต้หวันในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกระชับความร่วมมือในภูมิภาค ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว