“จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม” เปิดใจครั้งแรกหลังถูกโยงข่าวฉาว พร้อมเผยความสำเร็จในธุรกิจรถมือสองจนซื้อบ้านหลังใหม่มูลค่าหลายสิบล้าน

ในรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 “จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม” นักแสดงตลกชื่อดัง ได้เปิดใจเป็นครั้งแรกหลังจากถูกโยงเข้ากับข่าวฉาวเกี่ยวกับการขายรถผิดกฎหมายและยึดเงินมัดจำ โดยเจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าว พร้อมทั้งเผยถึงความสำเร็จในธุรกิจรถมือสองที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนสามารถซื้อบ้านหลังใหม่มูลค่าหลายสิบล้านบาทได้

จุ๊บจิ๊บเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากมีเพจหนึ่งโพสต์ข่าวว่า “ตลกดังขายรถยึดมัดจำหลังโดนจับได้ว่ารถผิดกฎหมาย” ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเขา ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ “ผมยืนยันได้ 100% ว่าไม่ใช่ผม ผมไม่เคยยึดมัดจำใคร และไม่มีใครมาทวงเงินมัดจำคืนจากผมด้วย” จุ๊บจิ๊บกล่าวอย่างหนักแน่น

ผลกระทบจากข่าวลือและการรับมือ

จุ๊บจิ๊บเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจและธุรกิจของเขาอย่างมาก “มันเหมือนเป็นหมัดน็อคสำหรับผมเลย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ แต่มันกระทบกระเทือนต่อธุรกิจที่ผมพยายามสร้างขึ้นมา” เขากล่าว อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะไม่ออกมาไลฟ์ชี้แจงด้วยตัวเอง เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดการตัดต่อคำพูดและสร้างความเข้าใจผิดเพิ่มเติม แต่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนในวงการที่ออกมาเป็นกระบอกเสียงยืนยันความบริสุทธิ์ให้

แม้จะเผชิญกับวิกฤตครั้งนี้ แต่จุ๊บจิ๊บก็ยังคงมุ่งมั่นในการทำธุรกิจรถมือสองต่อไป โดยเขาเผยว่าได้สร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาด้วยสโลแกน “รถสวย มีทรง ราคาคุ้มค่า จนคุณคุ้มคลั่ง” จนเป็นที่จดจำของลูกค้า

ความสำเร็จทางธุรกิจและชีวิตครอบครัว

ความพยายามและความตั้งใจในการทำธุรกิจของจุ๊บจิ๊บส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนสามารถซื้อบ้านหลังใหม่ราคาหลายสิบล้านบาทได้ เขาเผยว่าการทำธุรกิจนี้เป็นการวางแผนสำหรับอนาคต เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะมีงานในวงการบันเทิงไปอีกนานแค่ไหน

นอกจากนี้ จุ๊บจิ๊บยังได้รับกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนร่วมวงการอย่าง ชมพู่ ธัณย์สิตา ที่ออกมาปกป้องและให้กำลังใจเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ “เขาเป็นคนทำงานหนักมาก และเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าทุกคนพร้อมจะให้โอกาสและเชื่อในตัวน้อง ก็ขอฝากให้โอกาสน้องคนนี้ต่อไปด้วย” ชมพู่กล่าว

ท้ายที่สุด จุ๊บจิ๊บฝากถึงแฟนๆและประชาชนทั่วไปว่า “อยากให้ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนที่จะเชื่อข่าวหรือแชร์ข้อมูลต่างๆ เพราะบางครั้งมันอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและการทำมาหากินของคนอื่นได้” พร้อมยืนยันว่าจะยังคงมุ่งมั่นทำงานและพัฒนาธุรกิจของตนต่อไปเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว