ในวันที่ 20 กันยายน 2567 เหตุการณ์สะเทือนขวัญได้เกิดขึ้นในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน เมื่อการทะเลาะวิวาทของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งจบลงด้วยความพลิกผัน ทำให้ฝ่ายชายที่เป็นผู้ริเริ่มความรุนแรงกลับกลายเป็นผู้บาดเจ็บและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อคู่สามีภรรยาเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงภายในบ้าน จากภาพวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ ฝ่ายสามีแสดงอาการโมโหอย่างรุนแรงจนถึงขั้นยกมือขึ้นเตรียมจะทำร้ายภรรยา แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ชายผู้นี้กลับทรุดลงกับพื้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะสิ้นสติไปในที่สุด
ความจริงที่น่าตกใจ: ภรรยาเป็นนักมวยไทย
เมื่อฝ่ายสามีรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยมีภรรยานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าวิตกกังวล เธอเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่า เธอเคยฝึกมวยไทยมาก่อน โดยเรียนรู้ไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากความรุนแรงในครอบครัว แต่ด้วยพื้นฐานร่างกายที่แข็งแรงและทักษะการต่อสู้ที่เชี่ยวชาญ เมื่อถูกคุกคาม เธอจึงเผลอใช้กำลังตอบโต้จนเกินกว่าเหตุ
จากการตรวจร่างกายของแพทย์ พบว่าสามีได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครงร้าว และมีรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด ทำให้ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นการชั่วคราว ภรรยาจึงตัดสินใจลางานเพื่อมาดูแลสามีอย่างใกล้ชิด เป็นการแสดงความรับผิดชอบและสำนึกผิดในการกระทำของเธอ
ปฏิกิริยาของญาติและชาวโซเชียล: ระหว่างขบขันและวิพากษ์วิจารณ์
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความฮือฮาในหมู่ญาติพี่น้องและชาวโซเชียลเป็นอย่างมาก เมื่อพี่สะใภ้ทั้งสามคนมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลและทราบเรื่องราว พวกเธอถึงกับหัวเราะและรีบถ่ายภาพโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ทำให้เรื่องราวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของสามีที่พยายามใช้ความรุนแรง ในขณะที่บางส่วนก็แสดงความเห็นใจภรรยาที่ต้องป้องกันตัวเอง มีผู้ใช้งานรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า “ในฐานะผู้ชาย สิ่งที่น่าอายที่สุดคือการทุบตีภรรยา น่าอายยิ่งกว่าการเอาชนะภรรยาไม่ได้!”
บทเรียนจากเหตุการณ์: ความรุนแรงไม่ใช่ทางออก
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคู่สมรสทั่วไป โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นว่า “เมื่อสามีภรรยามีความขัดแย้งหรือวิวาทกัน ก็ควรนั่งคุยกันอย่างใจเย็น และหาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม การทะเลาะวิวาทไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาเสียหายถึงขั้นทำให้ครอบครัวแตกแยก เมื่อถึงเวลานั้นก็จะสายเกินไปที่จะเสียใจ”
ท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นอุทาหรณ์ให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และการเคารพซึ่งกันและกันในชีวิตคู่ โดยหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเข้าใจและลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวต่อไปในอนาคต