นักแสดงสาวชื่อดัง “ชมพู่ อารยา” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ หลังจากมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายหนึ่งได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ใต้รูปภาพของเธอ โดยกล่าวหาว่าเธอมัวแต่แต่งตัวสวยงาม ในขณะที่ประชาชนชาวไทยกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งต่อมา “บุ๋ม ปนัดดา” ได้ออกมาปกป้องพร้อมเปิดเผยว่า “ชมพู่” ได้บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ล่าสุด เมื่อมีโอกาสได้พบกับ “ชมพู่ อารยา” เธอได้เปิดใจว่าไม่ได้ทราบถึงดราม่าที่เกิดขึ้น เนื่องจากความคิดเห็นดังกล่าวได้ถูกลบออกไปแล้ว เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าไม่ได้มองว่าการบริจาคเงิน 1 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร และไม่อยากให้มีการนำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น เธอเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญคือการที่ทุกคนรู้สึกสบายใจกับการช่วยเหลือของตนเอง
การช่วยเหลือที่มาจากใจ
ชมพู่ได้อธิบายถึงเหตุผลในการบริจาคเงินว่า เธอได้ติดต่อไปยังมูลนิธิเพื่อสอบถามถึงสิ่งที่ขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ หลังจากการพูดคุย เธอเห็นว่าการบริจาคเงินน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากสามารถนำไปใช้จ่ายในด้านต่างๆ ได้ เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำมันเรือ หรือแม้แต่การซ่อมแซมเรือที่เสียหาย
นักแสดงสาวยังเน้นย้ำว่า การช่วยเหลือสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินผ่านช่องทางต่างๆ หรือการช่วยเหลือโดยตรงในพื้นที่ประสบภัย เธอกล่าวว่า “จริงๆ ชมว่าทุกที่ได้หมดนะคะ คือชมมองว่าใครสะดวกแบบไหน สะดวกที่ไหน เห็นคิวอาร์โค้ดที่ไหนอยากจะสแกนก็สแกนเลย คือถ้าเราอยากช่วยก็ช่วยได้หมด”
ชมพู่ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวตนของผู้บริจาค โดยเธอกล่าวว่าไม่ได้ขอให้ปกปิดชื่อ แต่เพียงแค่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เท่านั้น เธอยังเน้นย้ำว่าไม่ควรใช้การบริจาคเป็นเครื่องมือในการกดดันผู้อื่น เพราะทุกคนมีสถานการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน
ในตอนท้าย ชมพู่ได้กล่าวถึงความรู้สึกของเธอต่อผู้ประสบภัยว่า “จริงๆ ไม่ค่อยกล้าพูดว่าเป็นกำลังใจ เพราะมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย เขาอาจจะคิดว่าเราไม่เข้าใจหรอก ไม่ได้รู้สึกหรอก คือเราอาจจะไม่ได้เข้าใจร้อยเปอร์เซนต์ ว่ามันเจ็บปวดสูญเสียยังไงเท่าไหร่ แต่เรามีความรู้สึกร่วม” พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมต่อผู้ที่ทำงานในพื้นที่ประสบภัยทุกคน
การแสดงความคิดเห็นของ “ชมพู่ อารยา” ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่เน้นการช่วยเหลือด้วยความจริงใจ โดยไม่คำนึงถึงการเปรียบเทียบหรือการแสวงหาชื่อเสียง ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤต