โศกนาฏกรรมจากการป้องกันทรัพย์สิน แม่โอดครวญหลังลูกชายถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตขณะขโมยของ

เหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้นในยามเช้าของวันที่ 18 กันยายน 2567 ณ หมู่บ้านดงแขวน ตำบลท่าข้าม อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อชายหนุ่มวัย 23 ปี เสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตขณะพยายามขโมยของจากบ้านของชายชราวัย 74 ปี เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ยังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของวิธีการป้องกันทรัพย์สินที่อาจเกินกว่าเหตุ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีภูธรชนแดนได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 06.30 น. และรุดไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนายเจตพงศ์ อายุ 74 ปี ตั้งอยู่ติดถนนสายท่าข้าม-วังโป่ง ณ บริเวณสวนหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบศพของนายพัลลภ อายุ 23 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่ท่ามกลางป่าหญ้า โดยมีร่องรอยการถูกไฟฟ้าช็อตอย่างชัดเจน ทั้งรอยไหม้เกรียมที่ข้อเท้าทั้งสองข้างยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร และร่างกายที่ทับอยู่บนเส้นลวดขนาดเล็กซึ่งต่อเข้ากับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

การป้องกันทรัพย์สินที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม

นายเจตพงศ์ เจ้าของบ้านและผู้ติดตั้งระบบไฟฟ้าดังกล่าว เปิดเผยว่าเขาเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง และมักไม่อยู่บ้านในช่วงกลางวัน จึงได้คิดวิธีป้องกันทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงของตนโดยการเดินสายไฟและปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้รอบบริเวณบ้าน เนื่องจากที่ผ่านมามักมีสุนัขจรจัดเข้ามารบกวนแมวและทำลายข้าวของในบ้าน อย่างไรก็ตาม เขาจะถอดปลั๊กออกเมื่ออยู่บ้าน แต่จะเสียบปลั๊กทิ้งไว้ในเวลากลางคืนเป็นประจำ

ในคืนเกิดเหตุ นายเจตพงศ์ได้เสียบปลั๊กไฟตามปกติก่อนเข้านอน และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อจะไปถอดปลั๊ก เขาก็พบร่างของนายพัลลภนอนฟุบอยู่ในสวน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นายพัลลภน่าจะเข้ามาขโมยเครื่องมือช่างของนายเจตพงศ์ในช่วงกลางคืน และพยายามหลบหนีออกทางหลังบ้าน โดยไม่ทราบว่ามีการเดินสายไฟเปลือยไว้ จึงเกิดอุบัติเหตุสะดุดสายไฟและถูกไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต โดยคาดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการพบศพ

เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเศร้าโศกอย่างใหญ่หลวงให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะนางสมหมาย แม่ของนายพัลลภ วัย 60 ปี ที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุและแสดงอาการโศกเศร้าอย่างรุนแรง เธอไม่เพียงแต่ร่ำไห้คร่ำครวญเท่านั้น แต่ยังได้ต่อว่านายเจตพงศ์ว่าใช้วิธีการป้องกันทรัพย์สินที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ พร้อมทั้งแสดงความโกรธแค้นด้วยการพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้าน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยสามารถห้ามปรามไว้ได้ทันท่วงที

เหตุการณ์นี้ได้จุดประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างการป้องกันทรัพย์สินและความปลอดภัยของสาธารณชน รวมถึงความรับผิดชอบทางกฎหมายของเจ้าของบ้านในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากวิธีการป้องกันทรัพย์สินที่อาจเกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป